กรุณากรอกข้อมูลเพื่ออ่านบทความเพิ่มเติม
TMA
-
- News
- Article Sharing
- พลิกวิกฤตขยะล้นโลก ด้วยการลดขยะจากอาหาร Food waste
พลิกวิกฤตขยะล้นโลก ด้วยการลดขยะจากอาหาร Food waste
พลิกวิกฤตขยะล้นโลก ด้วยการลดขยะจากอาหาร Food waste
10 กันยายน 2561 15:11 น.
พลิกวิกฤตขยะล้นโลก ด้วยการลดขยะจากอาหาร Food waste
‘ขยะอาหาร’ (Food waste) กำลังเป็นปัญหาที่ทั่วโลกกังวล เพราะตอนนี้ 1 ใน 3 ของอาหารที่ผลิตถูกทิ้งกลายเป็นขยะ ซึ่งในแต่ละปีทั่วโลกมีอาหารที่ถูกทิ้งให้เน่าเสียอย่างเปล่าประโยชน์กว่า 1,300 ล้านตัน โดยเฉพาะในประเทศที่พัฒนาแล้ว เช่น สหรัฐฯที่ทิ้งอาหาร 34 ล้านตัน และสหราชอาณาจักรที่มีอาหารที่ถูกทิ้งกว่า 17 ล้านตัน ในขณะที่ทั่วโลก มีคนกว่า 870 ล้านคนกำลังขาดแคลนอาหาร
ยิ่งไปกว่าปัญหามลพิษที่เกิดจากกองขยะขนาดใหญ่ คือ ขั้นตอนของการย่อยสลายขยะอาหารที่ทำให้เกิดก๊าซเรือนกระจก โดยเฉพาะก๊าซมีเทน ที่เป็นสาเหตุของภาวะโลกร้อน ที่จะตกค้างอยู่ในชั้นบรรยากาศโลกนานถึง 10 ปี
ภาครัฐและภาคเอกชนในหลายประเทศเห็นความสำคัญของปัญหานี้และเริ่มออกนโยบายช่วยกันลดขยะอาหาร เช่น รัฐนิวเจอร์ซีย์ สหรัฐอเมริกา ออกกฎหมายใหม่มุ่งลดปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ และตั้งเป้าหมายลดปริมาณขยะอาหารให้เหลือครึ่งหนึ่งในปี 2030 ประเทศฝรั่งเศสมีการปรับซุปเปอร์มาร์เก็ตที่ทิ้งอาหารที่ยังกินได้แต่ไม่สามารถขายได้ไปโดยเปล่าประโยชน์ ประเทศเช็ค ออกกฎหมายให้ซุปเปอร์มาร์เก็ตต้องบริจาคอาหารที่เหลือจากการขายที่ยังกินได้ให้กับองค์กรการกุศล หรือ NTUC FairPrice ซุปเปอร์มาร์เก็ต ในสิงคโปร์ก็ใช้วิธีตัดผักผลไม้ให้ชิ้นเล็กลง นำมารีแพคเกจ และขายในราคาที่ถูกลง ช่วยลดขยะจากผักผลไม้ซึ่งนับเป็น 60 เปอร์เซ็นต์ของขยะอาหารทั้งหมด และบริจาคอาหารที่ยังกินได้ให้กับองค์กรการกุศล ทำให้โดยรวมสามารถลดการสูญเสียอาหารโดยเปล่าประโยชน์ถึง 48,000 กิโลกรัม ในปี 2016
ทางด้านประเทศไทยเอง เริ่มมีบางองค์กรที่เริ่มตะหนักถึงปัญหา ขยะอาหาร และได้เริ่มดำเนินการแล้ว อย่างกลุ่มบริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) โดยคุณศิรเดช โทณวณิก ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจและการลงทุน ที่พยายามลดจำนวนอาหารส่วนเกิน และปัญหาขยะจากอาหารให้น้อยลง โดยเชฟแต่ละคนจะมี KPI เรื่อง Food Waste ในการทำอาหาร ซึ่งต้องมีการคำนวณการตัด การทิ้งของเสียไม่เกิน 2% ของวัตถุดิบที่เอามาทำอาหาร หากเกิน เชฟคนนั้นก็จะไม่ผ่าน KPI และต้องมี KPI ให้ทั้งทีม ซึ่งเชฟมีบทบาทมากเพราะเชฟต้องประสานงานกับฝ่าย Sell , Marketing, Room Service ในการคำนวน และคาดการณ์ล่วงหน้าให้ได้ว่า จะมีคนมามากน้อยเพียงใด เมื่อมีการประสานงานหลายอย่างสำหรับการบริหารเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ ขยะอาหารก็จะลดน้อยลง ในส่วนของขยะอาหารที่เหลือในแต่ละวันก็มีการนำไปทำปุ๋ยธรรมชาติ โดยเริ่มแล้วดุสิตธานี มัลดีฟ และกำลังจะทำที่กรุงเทพต่อไป
และนี่คือตัวอย่างบางส่วนจากแนวคิดที่ภาครัฐ ภาคเอกชน ทั้งของต่างประเทศ และในประเทศที่ร่วมมือกันลดปัญหาขยะอาหารล้นโดยคำนึงถึงความยั่งยืน
ฟังบรรยายเรื่องของ ZERO WASTE ได้ที่
งาน Global Business Dialogue 2018 : Innovating for Sustainable Future
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม http://bit.ly/GBD2018byTMA
ขอบคุณข้อมูล
http://www.globalcompact-th.com/unite-bulletin/detail/25
https://sdthailand.com/2018/03/siradej-donavanik-re-food/
https://www.thairath.co.th/content/1211847
‘ขยะอาหาร’ (Food waste) กำลังเป็นปัญหาที่ทั่วโลกกังวล เพราะตอนนี้ 1 ใน 3 ของอาหารที่ผลิตถูกทิ้งกลายเป็นขยะ ซึ่งในแต่ละปีทั่วโลกมีอาหารที่ถูกทิ้งให้เน่าเสียอย่างเปล่าประโยชน์กว่า 1,300 ล้านตัน โดยเฉพาะในประเทศที่พัฒนาแล้ว เช่น สหรัฐฯที่ทิ้งอาหาร 34 ล้านตัน และสหราชอาณาจักรที่มีอาหารที่ถูกทิ้งกว่า 17 ล้านตัน ในขณะที่ทั่วโลก มีคนกว่า 870 ล้านคนกำลังขาดแคลนอาหาร
ยิ่งไปกว่าปัญหามลพิษที่เกิดจากกองขยะขนาดใหญ่ คือ ขั้นตอนของการย่อยสลายขยะอาหารที่ทำให้เกิดก๊าซเรือนกระจก โดยเฉพาะก๊าซมีเทน ที่เป็นสาเหตุของภาวะโลกร้อน ที่จะตกค้างอยู่ในชั้นบรรยากาศโลกนานถึง 10 ปี
ภาครัฐและภาคเอกชนในหลายประเทศเห็นความสำคัญของปัญหานี้และเริ่มออกนโยบายช่วยกันลดขยะอาหาร เช่น รัฐนิวเจอร์ซีย์ สหรัฐอเมริกา ออกกฎหมายใหม่มุ่งลดปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ และตั้งเป้าหมายลดปริมาณขยะอาหารให้เหลือครึ่งหนึ่งในปี 2030 ประเทศฝรั่งเศสมีการปรับซุปเปอร์มาร์เก็ตที่ทิ้งอาหารที่ยังกินได้แต่ไม่สามารถขายได้ไปโดยเปล่าประโยชน์ ประเทศเช็ค ออกกฎหมายให้ซุปเปอร์มาร์เก็ตต้องบริจาคอาหารที่เหลือจากการขายที่ยังกินได้ให้กับองค์กรการกุศล หรือ NTUC FairPrice ซุปเปอร์มาร์เก็ต ในสิงคโปร์ก็ใช้วิธีตัดผักผลไม้ให้ชิ้นเล็กลง นำมารีแพคเกจ และขายในราคาที่ถูกลง ช่วยลดขยะจากผักผลไม้ซึ่งนับเป็น 60 เปอร์เซ็นต์ของขยะอาหารทั้งหมด และบริจาคอาหารที่ยังกินได้ให้กับองค์กรการกุศล ทำให้โดยรวมสามารถลดการสูญเสียอาหารโดยเปล่าประโยชน์ถึง 48,000 กิโลกรัม ในปี 2016
ทางด้านประเทศไทยเอง เริ่มมีบางองค์กรที่เริ่มตะหนักถึงปัญหา ขยะอาหาร และได้เริ่มดำเนินการแล้ว อย่างกลุ่มบริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) โดยคุณศิรเดช โทณวณิก ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจและการลงทุน ที่พยายามลดจำนวนอาหารส่วนเกิน และปัญหาขยะจากอาหารให้น้อยลง โดยเชฟแต่ละคนจะมี KPI เรื่อง Food Waste ในการทำอาหาร ซึ่งต้องมีการคำนวณการตัด การทิ้งของเสียไม่เกิน 2% ของวัตถุดิบที่เอามาทำอาหาร หากเกิน เชฟคนนั้นก็จะไม่ผ่าน KPI และต้องมี KPI ให้ทั้งทีม ซึ่งเชฟมีบทบาทมากเพราะเชฟต้องประสานงานกับฝ่าย Sell , Marketing, Room Service ในการคำนวน และคาดการณ์ล่วงหน้าให้ได้ว่า จะมีคนมามากน้อยเพียงใด เมื่อมีการประสานงานหลายอย่างสำหรับการบริหารเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ ขยะอาหารก็จะลดน้อยลง ในส่วนของขยะอาหารที่เหลือในแต่ละวันก็มีการนำไปทำปุ๋ยธรรมชาติ โดยเริ่มแล้วดุสิตธานี มัลดีฟ และกำลังจะทำที่กรุงเทพต่อไป
และนี่คือตัวอย่างบางส่วนจากแนวคิดที่ภาครัฐ ภาคเอกชน ทั้งของต่างประเทศ และในประเทศที่ร่วมมือกันลดปัญหาขยะอาหารล้นโดยคำนึงถึงความยั่งยืน
ฟังบรรยายเรื่องของ ZERO WASTE ได้ที่
งาน Global Business Dialogue 2018 : Innovating for Sustainable Future
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม http://bit.ly/GBD2018byTMA
ขอบคุณข้อมูล
http://www.globalcompact-th.com/unite-bulletin/detail/25
https://sdthailand.com/2018/03/siradej-donavanik-re-food/
https://www.thairath.co.th/content/1211847
