top of page

'ดิจิทัล & มิลเลนเนียล'2 ปัจจัยเสี่ยงโลกธุรกิจ



'ดิจิทัล & มิลเลนเนียล'2 ปัจจัยเสี่ยงโลกธุรกิจ


เคน ลี ซีอีโอ และผู้ก่อตั้งบริษัท Billeview Research จากสิงคโปร์ กล่าวบรรยายในหัวข้อ The Future Landscape, insight and Action ในงาน TMA Day 2017 : Business Context in the Speedy World ไว้อย่างน่าสนใจและเป็นสิ่งที่เจ้าของกิจการ ผู้บริหารธุรกิจ ต้องรู้ และวิ่งตาม (การเปลี่ยนแปลง) ให้ทัน

พบ 2 ประเด็นสำคัญที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงของการทำธุรกิจในยุคหน้า ได้แก่ "ดิจิทัล" และ "มิลเลนเนียม"


เปิดมุมมอง


เทคโนโลยีได้เข้ามามีบทบาทมากขึ้น ตั้งแต่ปัญญาประดิษฐ์ (AI - Artificial Intelligence) รวมถึงบิ๊ก ดาต้า และ บิทคอยน์ ที่แนวโน้มประเทศต่างๆ นำมาใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น รวมถึง ความเจริญก้าวหน้าของ MedTech (Medical Technology) ที่จะทำให้คนอายุยืนยาวเกิน 200 ปี


TechWar สงครามทางเทคโนโลยีที่จีนจะขึ้นมาเป็นคู่ต่อกรของโลก เพื่อความได้เปรียบทางการค้า ทดแทนภาพเดิมของจีนที่เป็นนักก๊อบปี้มาสู่การเป็นเจ้าของเทคโนโลยี เช่น ระบบโมบาย เพย์เมนท์ ระบบการขนส่ง พบว่า โรงงานของจีนขับเคลื่อนด้วยหุ่นยนต์ มากขึ้น รวมถึงการเป็นเจ้าของสินค้า ที่มีชื่อเสียงระดับโลก เช่น กล้องวงจรปิด โดรน


นอกจากนี้ อีกสิ่งที่จะเห็นก็คือ ภาวะการเกิดเศรษฐกิจแบ่งปันทางด้านพลังงาน แหล่งพลังงานใหม่ของโลกหรืออนาคตพลังงานทางเลือกต่างๆ จะมีราคาถูกลงจนเกือบจะถือได้ว่าใช้ฟรี เช่นพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม เป็นต้น


ในปี 2018 เป็นต้นไปที่กล่าวมาจะเริ่มเห็นที่ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งภาคธุรกิจจำเป็นต้องหา Business Model ที่ชัดเจนของ ตัวเอง เพื่อรองรับเทรนด์ดิจิทัลที่มีผลกระทบ ระดับบุคคลให้ได้ เป้าหมายก็เพื่อขยายฐาน ลูกค้าให้กว้างขึ้น และครองใจผู้บริโภค ให้ได้เป็นจำนวนมาก


"นับเป็นความท้าทายอย่างมาก เพราะลูกค้าไม่ได้จำกัดอยู่ในฐาน 20% เหมือนเดิม จากการเข้ามาของบิ๊กดาต้า เอไอ และไอโอที ( internet of things) คนจะเสมอภาคกันมากขึ้น ไม่ได้มีอำนาจการซื้อเฉพาะกลุ่ม ภาคธุรกิจจึงต้องให้ความสำคัญลูกค้าทุกราย อย่างเท่าเทียมกัน"


เศรษฐกิจและสังคมของผู้บริโภคในอีก 20 ปีข้างหน้า หรือ The Millennium Challenge ภาคธุรกิจพึงตระหนักถึง Business Model เพื่อตอบสนอง ความต้องการของตลาด และสามารถแข่งขันได้ในระดับสากล


อีกหนึ่งประเด็นสำคัญ คือการเปลี่ยนแปลงของประชากรโลก


โดยคนยุคมิลเลนเนียลจะมีบทบาทสำคัญและเป็นผู้กำหนดทิศทางใหม่ๆ คาดการณ์ว่าคนกลุ่มนี้จะมีขนาดใหญ่ขึ้นโดยครองสัดส่วนมากถึง 75% ของประชากรทั่วโลก ซึ่งมีจำนวน 7,000 ล้านคน และเป็นผู้บริโภคหลักภายในปี 2568 ซึ่งคนในยุคนี้จะมีความเชื่อมโยงกับเทคโนโลยี โดยเฉพาะในเรื่องของอินเทอร์เน็ตและโซเชียลมีเดียเป็นอย่างมาก


เห็นได้ว่า โซเชียลมีเดียได้เข้ามามีส่วนในการตัดสินใจเลือกซื้อสินค้า ดังนั้นผู้นำองค์กรจะต้องมีวิสัยทัศน์ด้านกลยุทธ์องค์กร เพื่อก้าวทันต่อความเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจ กลยุทธ์ทางการตลาดที่เจาะกลุ่ม มิลเลนเนียลควรนำเทคโนโลยีมาใช้อย่างชาญฉลาดและเกิดประโยชน์ โดยให้บริการด้วยข้อมูลที่ทันสมัย เป็นเรื่องที่กำลังอยู่ในความสนใจ และมีความน่าเชื่อถือ


เปลี่ยนวิธีทำงาน


ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี ตลาด และกำลังซื้อ องค์กรธุรกิจจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนวัฒนธรรม เพื่อสอดคล้องพฤติกรรมของคนกลุ่ม มิลเลนเนียล


ในมิติของการทำงาน ต้องบริหารจัดการให้น้อยลง การทำงานแบบยืดหยุ่นมีแนวโน้มจะสร้างการเพิ่มผลผลิตที่ดีให้กับงานมากกว่าการเคร่งครัดเวลาทำงานโดยกำหนดกรอบเวลา เพราะคนรุ่นใหม่ต้องการความคล่องตัวในการทำงาน บริหารจัดการเวลาทำงานของตัวเอง


นอกจากนี้ ในกระบวนการทำงาน ผู้บริหารและหัวหน้างานควรมอบสิทธิการตัดสินใจให้กับพนักงานในกลุ่มมิลเลนเนียมมากขึ้น สร้างสภาพแวดล้อมการทำงาน ให้เหมือนกับการเล่นเกม สร้างความ มีส่วนร่วม


"แม้เงินและรายได้จะสำคัญ แต่ไม่ใช่ปัจจัยสำคัญที่สุดของการทำงาน ความหมาย ของงาน ความพอใจที่จะทำงานด้วย ต่างหากเป็นองค์ประกอบสำคัญของการตัดสินใจทำงานด้วยของ พนักงานกลุ่ม มิลเลนเนียล" สิ่งที่ผู้บริหารองค์กรต้องทำคือการ ปรับตัวให้ทัน เคน ลี ชี้ว่า บริษัทขนาดใหญ่ที่ติดอันดับฟอร์จูน 500 ในปัจจุบัน จะหายไป กว่า 95% ภายในปี 2025 หรืออีก 7-8 ปีข้างหน้าหากปรับตัวไม่ได้


ข้อมูลคือหัวใจ


กล้า ตั้งสุวรรณ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท โธธ โซเชียล จำกัด กล่าวว่า จากการจัดเก็บข้อมูลโซเชียลทำให้ทราบถึง ความต้องการลูกค้าที่ไม่หยุดนิ่ง มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา องค์กรต้องจัดเก็บฐานข้อมูลสำหรับติดต่อกับลูกค้า แล้วนำมาวิเคราะห์หาจุดเชื่อมโยงระหว่างพฤติกรรมของลูกค้ากับกลยุทธ์ทางการตลาด ขององค์กร ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจขายในรูปแบบของ B2B หรือ B2C แต่สุดท้ายการตัดสินใจ เป็นเรื่องของคน การทำงานต้องจัด เซกเมนต์ลูกค้าเป็น individualization รู้เขารู้เรา เอาอะไรไปขายก็ขายได้ ตอบสนองตามความต้องการลูกค้าได้มากที่สุด จึงจะสามารถครองใจลูกค้าได้ หากกลยุทธ์ ดังกล่าวสามารถมัดใจลูกค้าปัจจุบันได้ จะช่วยให้ลูกค้าปัจจุบันจะเป็นผู้แนะนำลูกค้าใหม่มาให้


"บริษัทยักษ์ใหญ่ 500 อันดับของโลกที่อยู่ในรายชื่อของ Fortune 500 ในปัจจุบันกว่า 95 % จะหายไปจากรายชื่อดังกล่าวภายในปี 2025 หากไม่ปรับตัว"



กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่ 05 ธันวาคม พ.ศ. 2560

ดู 4 ครั้ง0 ความคิดเห็น
bottom of page